วันศุกร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2553

พัฒนาชีวิตสู่ความสมดุล

• สร้างสูตรพัฒนาชีวิต เพื่อให้ชีวิตเกิดสมดุล
ทำให้คุณมีความสุขทุกก้าวของชีวิต

• ทำกิจกรรมต่างๆที่ช่วยพัฒนาตนเองขึ้นสู่ชีวิตใหม่
สร้างงานในฝัน
หรือทำธุรกิจที่สามารถทำได้ในบ้าน
โดยใช้ความสามารถพิเศษ
หรือพรสวรรค์ของตัวเองให้เต็มที่

• สร้างสิ่งแวดล้อมรอบตัวให้สมดุลและสอดคล้อง
กับวิถีชีวิตแบบใหม่ในฝันของคุณ
เปลี่ยนสิ่งแวดล้อมให้แตกต่างจากอดีต
ปรับแต่งชีวิตของคุณให้ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
เปลี่ยนแปลงเครื่องประดับ
และสิ่งแวดล้อมในบ้านนอกบ้านให้แตกต่าง
จะช่วยกระตุ้นความคิดแปลกใหม่และสร้างสรรค์ให้เกิดขึ้น
แล้วคุณจะมีความสุขสดชื่นตลอดเวลา

• สร้างทีมที่ปรึกษาด้านการเงิน
การมีฐานะการเงินที่มั่นคง เป็นปัจจัยสำคัญของการมีอายุยืนยาว
ทำแผนด้านการเงินทั้งขณะที่คุณมีชีวิตอยู่
และแม้กระทั่งเมื่อคุณตายไปแล้วก็ตาม
คุณสามารถปรับแต่งแผนการเงินและมรดกของคุณได้ตลอด

• เปลี่ยนสิ่งร้ายให้กลายเป็นดี
ยิ่งอายุยืนยาวเท่าใด จะยิ่งพบกับการสูญเสียมากขึ้น
การทำใจปล่อยวางจะทำให้ความสูญเสียนำไปสู่ความก้าวหน้า
ภายหลังการสูญเสียความโชคดี สิ่งดีๆจะมีตามมาเสมอ

เรียนรู้ตลอดชีวิต

“ หาความรู้ใส่ตัวอยู่เสมอ สนุกกับการเรียนรู้ตลอดชีวิต ”

• หาบุคคลที่เป็นต้นแบบ และขอคำแนะนำจากเขา
สร้างทีมงานสำหรับดูแลสุขภาพของตนเอง รวมทั้งทีมบำบัดรักษา
โดยเน้นการป้องกันบำบัดก่อนเกิดโรค
มากกว่าการรักษาหลังจากเกิดโรคขึ้นแล้ว

• สร้างกลุ่มหรือชมรมรักสุขภาพด้วยกันขึ้น
ดึงดูดคนที่เหมาะสมเข้ามาในชีวิตคุณ
เพื่อเป็นกัลยาณมิตรร่วมทางสู่ความมีอายุยืน
ไม่มีใครมีอายุยืนได้อย่างโดดเดี่ยว

• สร้างความสัมพันธ์กับคนรอบตัว
และบุคคลที่จะช่วยคุณพัฒนาไปทางด้านดีด้านบวก
รักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับบุคคลใกล้ตัวคุณ

• จากการศึกษาพบว่าการมีปฎิสัมพันธ์ที่ดีได้กับคนหลากหลายและหลายวัย
เป็นปัจจัยสำคัญของการมีสุขภาพดีและมีอายุยืนยาว
คนที่มีสมาชิกครอบครัวถึง 6 รุ่น
จะเป็นคนที่มีอายุ 125 ปี

ชีวิตต้องการความเปลี่ยนแปลง (CHANGE)

“ คนเราไม่ควรหยุดการเปลี่ยนแปลง ด้วยเหตุผลว่าแก่เกินไป ”

• มนุษย์ถูกออกแบมาให้มีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
ให้มีการริเริ่มสิ่งใหม่ๆอยู่เสมอ
ไม่ว่าคุณอายุเท่าใด จะมีสิ่งใหม่ๆรอให้คุณทำอยู่เสมอ

• เมื่อคุณเริ่มเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมต่างๆในทางบวก
ร่างกายและจิตใจของคุณก็จะเริ่มเปลี่ยนแปลง
คุณจะแข็งแรงขึ้น กระปรี้กระเปร่า ช่วยเหลือตัวเองได้
และรู้สึกเป็นคนใหม่ เยาว์วัยขึ้น ตลอดเวลา

• ธรรมชาติมีแนวโน้มที่จะเกิดสิ่งใหม่ๆขึ้นทุกๆวินาที
ดังนั้นความรู้ใหม่ การสร้างสรรค์ใหม่ๆ วิธีมองโลกแบบใหม่
จะทำให้จิตใจและร่างกายของคุณเกิดสิ่งใหม่
และเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องตลอดไป

• ความแก่เป็นเงื่อนไขทางสังคม
ที่ร่างกายทำไปตามเงื่อนไขที่กำหนด
สมองถูกโปรแกรมล่วงหน้าว่าเกิดมาแล้วต้องแก่เจ็บตาย
ทำให้ชีวิตของเราดำเนินไปตามเงื่อนไขกำหนด
ความสิ้นหวังต่อความแก่ จะทำให้เรายิ่งแก่เร็วขึ้น

• หากเรามีความตั้งใจจะไม่แก่
ร่างกายก็จะปฏิบัติตามโดยอัตโนมัติ
แม้แต่เซลล์ที่แก่แล้ว มันจะยังไม่ตาย
หากได้รับคำสั่งจากเราให้มีชีวิตอยู่ต่อไป

• ด้วยการสร้างความตั้งใจขึ้นใหม่
ที่จะมีชีวิตอยู่อย่างกระตือรือร้น และมีจุดหมาย
เพียงแต่คิดว่า “ ฉันแข็งแรงและกระชุ่มกระชวยขึ้นทุกวัน ”
ร่างกายก็จะตอบสนองความต้องการของจิตใจ ได้อย่างมหัศจรรย์

• ความคิดเป็นพลังกระตุ้น และป้อนข้อมูลข่าวสารให้แก่เซลล์ในร่างกาย
ด้วยการบ่มและความเชื่อว่าร่างกายของเราจะใหม่ขึ้นทุกขณะ
ร่างกายก็จะสนองตอบในสิ่งที่เราต้องการ

• ร่างกายคนเราสามารถต้านความเสื่อมได้อย่างดีเยี่ยม
หากปราศจากอิทธิพล ด้านลบทั้งจากภายในแลภายนอก
เซลล์เราสามารถมีชีวิตที่ยืนยาวถึง 120 ปีได้อย่างสบาย

หยิน – หยาง


คนจีนเชื่อว่าพลังงานแห่งจักรวาลนี้มีอยู่ 2 ขั้ว คือ หยิน และหยาง (yin – yang)
หยางเป็นพลังงานที่เข้มแข็ง (active) และสร้างสรร ( generative,creative)
เกี่ยวข้องกับความสว่าง (แสงแดด และดวงอาทิตย์)
เป็นพลังงงานสร้างสรรค์ชีวิตมาจากสมองซีกข้างขวา
เป็นสัญลักษณ์ของเพศชาย เป็นขั้วบวก

• หยินเป็นพลังงานเฉื่อย (passive) และพลังงานทำลาย (degenerative)
เกี่ยวข้องกับความมืด(ดวงจันทร์) และความตาย
มาจากสมองซีกซ้าย เป็นสัญลักษณ์ของเพศหญิง

พลังงานหยิน – หยาง ต้องมีสมดุลกันตลอดเวลา
ที่มีการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงในสากลจักรวาล
ชีวิตจึงจะสมดุล ราบรื่น สมบูรณ์และมีสุขภาพดี

หากพลังงานขาดสมดุล หรือไหลเวียนติดขัดไม่สะดวก
ก็จะเกิดอาการเตือน (symptom) เพื่อให้ร่างการปรับปรุงแก้ไขให้คืนสู่สมดุล
แล้วร่างกายก็จะกลับคืนสู่ปกติ อาการเตือนจะหายไป
แต่หากเราเพิกเฉยละเลย
อาการเตือนก็จะเพิ่มความรุนแรงขึ้น
จนเกิดเป็น “ โรค ” ซึ่งจะทำให้การรักษายากขึ้นและอาจถึงตายได้

พลังคอสมิก


พลังงานที่ขับเคลื่อนเซลล์นอกจากอาหารซึ่งเป็นพลังงานส่วนน้อยแล้ว
ยังมีพลังงานขับเคลื่อนชีวิต (Life force) ที่แท้จริง
คือพลังคอสมิก
ซึ่งชาวอินเดียเรียกว่า “ ปราณ (prana) ”
จีนเรียกว่า ชี่ (Chi,Qi)
หรือญี่ปุ่นเรียกว่า เรกิ (reiki)
ซึ่งผ่านเข้าสู่ร่างกายทางจักระ(chakra)
ซึ่งมีอยู่นับร้อยแห่งทั่วร่างกาย
แต่เป็นศูนย์พลังงานสำคัญอยู่ 7 แห่ง
และมีระบบท่อพลังงาน (meridian system) นำพลังงานสู่เซลล์ร่างกาย

มนุษย์เป็นหนึ่งเดียวกับจักรวาล


ธรรมชาติสร้างมนุษย์ให้เป็นส่วนหนึ่งของจักรวาล
และเป็นหนึ่งเดียวกับจักรวาล
โครงสร้างของมนุษย์ส่วนย่อยที่สุด คือ เซลล์
ก็เป็นส่วนย่อของจักรวาลสากล
เพราะทุกเซลล์เป็นภาพเหมือนของจักรวาล
คือมีประจุไฟฟ้า electrons หมุนรอบ nucleus เช่นเดียวกับระบบจักรวาล
มีชื่อเรียก ปรากฏการณ์นี้ว่า “ปรากฏการณ์ภาพเหมือน” (Holographic phenomenon)
และมีคุณสมบัติเหมือนจักรวาลใหญ่ (Cosmic hologram)
ทุกเซลล์มีพิมพ์เขียวเดียวกัน คือ รหัสพันธุกรรม DNA
และเป็นพิมพ์เขียวเดียวกันกับจักรวาลใหญ่

“ แต่ละหน่วยบรรจุด้วยข้อมูลเดียวกันกับจักรวาลทั้งหมด ”
Every piece contains the information of the whole.

วันพฤหัสบดีที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2553

พลังมหัศจรรย์ของมนุษย์ (Human Vital Power) 2

• มนุษย์ได้มีการพัฒนาทางกายภาพมาอย่างต่อเนื่อง
จนถึงที่สุดของมันแล้ว นานนับแสนปี
แต่สิ่งที่มนุษย์ยังขาดการพัฒนาอย่างยิ่งก็คือ
การพัฒนาทางด้านจิตวิญญาณ
หรืออาจกล่าวอีกนัยหนึ่งว่า
การยกจิตวิญญาณให้สูงขึ้น
เป็นพื้นฐานของการดำรงชีวิตของมนุษย์

• ร่างกายเราสร้างขึ้นเพื่อสนองความต้องการของเรา
ไม่ได้สร้างขึ้นมาเพื่อต่อต้านเรา
เราจึงสามารถสั่งให้ร่างกายของเรา
เป็นไปตามที่เราต้องการได้เสมอ
ไม่มีสิ่งใดมีพลังเหนือร่างกายยิ่งกว่าจิตใจ

• จิตใจมีอิทธิพลต่อเซลล์ของร่างกาย
อายุขัยของมนุษย์จึงไหลไปมา
เร็วขึ้น ช้าลงหรือย้อนกลับได้ตามใจเราคิด
ขณะที่ใจเราสงบนิ่ง เช่นขณะทำสมาธิ
เซลล์ของร่างกายจะหยุดชำรุดทรุดโทรม
ทำให้เราไม่แก่ หรือแม้แต่ย้อนกลับวัยได้
เราอยู่เหนืออายุขัย จิตใจเราอยู่เหนือกาลเวลา

• ร่างกายสามารถสร้างสารเคมีเพื่อบำบัดรักษาตนเองได้
เช่นคนป่วยเป็นโรคพาร์กินสัน
เพราะขาดสารโดพามีน (Dopamine) ในสมอง
ทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ
เช่นการเดินช้าลง จนกระทั่งถึงขึ้นร่างกายแข็งทื่อ
แต่เมื่อบังคับให้ผู้ป่วย เดินทับเส้นที่ขีดลงบนพื้น
ด้วยความตั้งใจทำให้ผู้ป่วยเดินทับเส้นตรงนั้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ด้วยการสร้างความตั้งใจที่จะใช้ชีวิตอย่างกระตือรือร้น
ช่วยให้ผู้สูงอายุสามารถปรับปรุงดความกระฉับกระเฉงแข็งแรง
ตอบสนองความต้องการของจิตใจได้อย่างคาดไม่ถึง

• คนเราสามารถปลุกเร้าพลังความตั้งใจขึ้นใหม่ได้ตลอดเวลา
ด้วยการบ่มเพาะความเชื่อที่ว่าคุณจะสร้างสิ่งใหม่ได้ทุกขณะ
เพื่อสนองความต้องการต่อการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย
ส่งผลต่อประสาทสัมผัสทั้ง 6 เช่นการใช้สายตาและมือ
ส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน ต้านความเสื่อมของร่างกาย
ส่งผลต่อศูนย์ต่างๆในสมอง และ
ส่งผลต่อการทำงานประสานกันของร่างกายทั้งหมด
เกิดความสมบูรณ์แบบในทุกขณะ

หากร่างกายจิตใจและจิตวิญญาณ เป็นเอกภาพ
เราจะสามารถบังคับทุกสิ่งให้เป็นไปตามที่เราต้องการได้เสมอ

• คนแก่ยุคเก่า เสื่อมแล้วไม่หวนกลับในทุกๆด้าน
ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และด้านสังคม
บางคนอายุยืนแต่กลับแก่หง่อม
เป็นภาระกับลูกหลานและสังคม
ภัยคุกคามอันยิ่งใหญ่ของชีวิตและสุขภาพ
คือการขาดความกระตือรือร้นต่อชีวิต
ทำให้พลังชีวิตที่ค้ำจุนร่างกายของเรา
ค่อยๆไหลออก เหมือนแบตเตอรี่รั่ว

• ในความเป็นจริงร่างกายมนุษย์ แตกต่างกันเครื่องจักร
ที่ยิ่งใช้งานยิ่งเสื่อม
แต่ร่างกายมนุษย์กลับแข็งแรงมากขึ้นจากการใช้งานที่ถูกวิธี
ร่างกายของเราสามารถสร้างพลังงานใหม่
เติมเต็มตัวเองได้โดยอัตโนมัติ
หากเราใช้ชีวิตด้วยความกระฉับกระเฉงกระตือรือร้น

• การออกกำลังหรือการเคลื่อนไหวด้วยความตั้งใจภายใต้สมาธิ
นอกจากจะเพิ่มพลังชีวิตให้แก่กล้ามเนื้อแล้ว
อวัยวะทั่วร่างกาย ทุกระบบ
รวมทั้งต่อมไร้ท่อ ระบบภูมิคุ้มกันก็จะถูกกระตุ้น
ให้ทำหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
แตกต่างกับการออกกำลังกายแบบธรรมดา
การกระตุ้นเซลล์หนึ่ง เท่ากับกระตุ้นทุกเซลล์
เช่นเดียวกับ เมื่อเกิดพลังงานจุดใดจุดหนึ่งในอากาศ
ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงในสนามควอนตัมทั้งหมดนั่นเอง


• อีกทั้งอวัยวะส่วนใหญ่ของร่างกายเรา
ใช้งานตามปกติเพียง 30% ของเซลล์ทั้งหมดของอวัยวะนั้นๆ
อีก 70% เก็บไว้เป็นเซลล์สำรองหรือเซลล์อะไหล่

• คนแก่ยุคใหม่นอกจากมีวิธีป้องกันไม่ให้ร่างกายเสื่อมได้แล้ว
ยังสามารถใช้ศักยภาพของตนเอง
สร้างสุขภาพองค์รวม ได้แก่กาย – ใจ – จิตวิญญาณ
ให้เต็มศักยภาพ
ในการป้องกัน บำบัดและฟื้นฟู้ให้เกิดเซลล์สดใหม่ขึ้นได้ตลอดเวลา

• อายุจึงเปลี่ยนแปลงได้
จนถึงระดับย้อนกลับวัย
ด้วยความรู้สึกด้านบวกและสร้างสรรค์
มีความสุข สนุกพอใจอยู่เสมอ
อายุทางจิตวิทยาก็จะสามารถย้อนวัยได้
เช่น คนแก่อายุ 80 ปี
เพียงแต่หวนระลึกถึงความรักครั้งแรก
ทั้งจิตใจและหน้าตาท่างทาง
ก็จะเปลี่ยนวัยเป็นอายุ 18 ได้ในพริบตา

พลังมหัศจรรย์ของมนุษย์ (Human Vital Power) 1

• มนุษย์มีพลังมหัศจรรย์ ซึ่งมีศักยภาพสูงมากในการบำรุงส่งเสริมอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย
ให้ทำหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดอยู่ตลอดเวลา
และยังมีพลังมหัศจรรย์ที่จะซ่อมแซม ดูแลรักษาให้อวัยวะเหล่านั้นอยู่ในสภาพที่ดีอยู่เสมอ
( self – repairing and maintaining power ) โดยไม่ต้องพึ่งหมอ พึ่งยา

• Roger William นักชีวเคมีที่มีชื่อเสียงของอเมริกายังได้ศึกษาพบว่า
ร่างกายมนุษย์มีคุณสมบัติพิเศษที่สามารถสกัดดึงดูดเอา
“ สิ่งสุดยอด = Trophic Factors ” จากอาหารที่เรากินเข้าไป
มาเปลี่ยนเป็นพลังงานคุณภาพสูง ( superenergy ) เรียกว่า
พลังชีวิต ( Vital power ) เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายเสื่อม
ทำให้อัตราเสื่อมของร่างกายมนุษย์มีต่ำมากเพียง 1 % ต่อปีเท่านั้นเอง

• ดังนั้นการดูแลตนเองไม่ให้เสื่อม หรือแก่เร็วจึงสามารถทำได้ง่ายๆ
โดยเพียงแต่เราช่วยดูแลร่างกายและจิตใจของเราให้ดีที่สุดเท่านั้นเอง
ก็จะสามารถทดแทนความเสื่อมของร่างกายที่มีอยู่เพียง 1 % นั้นได้

• พลังความตั้งใจ ( Intention Power )
มุ่งมั่นเพื่อให้มีชีวิตที่แข็งแรงสมบูรณ์เต็ม 100 อยู่เสมอ
จะเป็นแรงกระตุ้นพลังชีวิต ( คือพลังปราณ , พลังชี่ )
และเชื่อมโยงพลังภายในประสานเป็นหนึ่งเดียวกับพลังคอสมิก
ทำให้ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ ไม่เสื่อม เป็นหนุ่มสาวอยู่เสมอ

• มนุษย์และสัตว์บางชนิด เช่นกบหรือค้างคาว
สามารถเปลี่ยนแปลงชีววิทยาของตัวเองได้ตามที่เราคิด
ถ้าคุณทำอะไรอย่างเร่งรีบ
นาฬิกาชีวภาพของคุณจะเดินเร็ว ทำให้คุณแก่เร็ว
ถ้าคุณทำอะไรตามสบายไม่เร่งรีบ ไม่ยึดติดกับแรงกดดันของเวลา
นาฬิกาชีวภาพของคุณจะเดินช้า ทำให้คุณแก่ช้า
และถ้าคุณจำศีลภายใต้สมาธิ เช่นเดียวกันกบหรือค้างคาวจำศีล
นาฬิกาชีวภาพจะหยุดเดินหรือย้อนกลับ
ทำให้คุณไม่แก่ หรือเยาว์วัยขึ้น
เซลล์ของเราจะปรับเข้าหาการรับรู้ต่อเวลาของเรา
ทำให้เราสามารถเข้าถึงภาวะของเวลาใหม่ได้
ทำให้สรีระของคุณปรับเข้ากับความต้องการของชีวิต
ความเป็นอมตะจะเกิดขึ้นได้
เมื่อเราเปลี่ยนจากจิตสำนึกที่มีพันธะของเวลา
ไปสู่จิตสำนึกที่ไร้กาลเวลานั่นเอง

• ความคิดไปที่ไหน ปฏิกิริยาเคมีจะตามไปด้วย
ปฏิกิริยาเคมีเกิดขึ้นโดยพลัน ในเวลาเพียง 1 : 10,000 วินาทีเท่านั้น

• จิตใจที่หดหู่ ทำให้เกิดปฏิกิริยาเคมีในทางลบ
ซึ่งก่อให้เกิดโรค
เช่นหญิงเพิ่งสูญเสียสามี จะมีโอกาสเกิดมะเร็งเต้านมเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า
คนที่หดหู่สิ้นหวัง จะมีอัตราการเสียชีวิตจากโรคหัวใจเพิ่มขึ้น
ตรงกันข้ามกับคนที่ขีวิตมีความสุข จะมีโอกาสเกิดโรคหัวใจได้น้อย

ไม่มีชีวเคมีใดในร่างกาย
ที่อยู่เหนืออิทธิพลของจิตใจ

ตามทฤษฏีเก่า ร่างกายคนเราถูกควบคุมด้วยดีเอ็นเอ
แต่ตามทฤษฏีใหม่ ร่างกายคนเราถูกควบคุมด้วยจิตใจ

ความลี้ลับของชีวิต (The Mystery of Life)

ความคิดแนวใหม่
เชื่อว่า อายุขัยของมนุษย์ไม่ได้มีกำหนดไว้
แต่บังเอิญคนเราเดินตามโปรแกรมที่ถูกตั้งเอาไว้ในสมอง
ตามความคิดเก่าๆ ว่าคนเราต้องเกิดแก่เจ็บตาย
ชีวิตจึงเดินไปตามนั้น
ซึ่งถ้าหากเราตั้งโปรแกรมเสียใหม่ว่าราจะไม่แก่ไม่เจ็บและไม่ตาย
และกำหนดแนวทางปฏิบัติดำเนินชีวิตตามแนวโปรแกรมใหม่แล้ว
เราก็จะไม่แก่ไม่เจ็บและไม่ตาย
และจะมีอายุยีนยาวอย่างมีความสุขได้

เปลี่ยนความคิดแบบเก่าที่เชื่อว่าร่างกายย่อมเสื่อมและตายไปตามธรรมชาติของมัน
ให้เป็นแนวคิดใหม่ที่ร่างกายเราเกิดเซลล์ใหม่และชีวิตใหม่ทุกวัน
จึงต้องมีการปรับปรุงต้อนรับชีวิตใหม่ทุกวัน
และมีความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆเกิดขึ้นทุกวัน
อย่างต่อเนื่องไม่สิ้นสุด
ก็จะทำให้เราไม่แก่และกระฉับกระเฉงแข็งแรงและมีอายุยืนยาว

เซลล์แก่ ( Senescent Cells )


“เซลล์แก่” ( Senescent cells ) คือเซลล์ชำรุดจนหมดสภาพ
หยุดสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมาทดแทนตัวเองได้ เมื่อตัวเองตายลงไป
และร้ายยิ่งกว่านั้น “เซลล์แก่” ยังเป็นบ่อเกิดของโรคเสื่อมจากการชราต่างๆอีกมากมาย
เช่นโรคเบาหวาน โรคไต หัวใจ สมอง เส้นเลือดแข็งตีบตันไปจนถึงโรคมะเร็ง

เซลล์แก่ เกิดขึ้นจากสาเหตุดังต่อไปนี้
เมื่อสารอาหารที่เรากินเข้าไปถูกดูดซึมและนำไปเผาให้เกิดพลังงาน
เรียกว่า ATP = Adenosine Triphosphate
เป็นพลังงานชีวิตขับเคลื่อนเซลล์ของร่างกาย เสมือนเป็นแบตเตอรี่ลอยอยู่ในเซลล์
ในแต่ละวันร่างกายผลิต ATP ได้ ปริมาณถึง 60 กิโลกรัม
การเผาไหม้เกิดขึ้นในโรงไฟฟ้า เรียกว่า ไมโทคอนเดรีย ( Mitochondria )
ซึ่งมีจำนวนนับพันๆโรงภายในเซลล์

หลังจากการเผาไหม้อาหารแล้วจะเกิดขยะขึ้นเรียกว่า อนุมูลอิสระ
เป็นขยะพิษซึ่งจะถูกส่งไปรีไซเคิลในโรงงานอื่น คือ ไลโซโซม (lysosome)
สารรีไซเคิลแล้วจะถูกนำไปซ่อมสร้างส่วนต่างๆของเซลล์ที่ชำรุด
เช่น เยื่อหุ้มเซลล์เป็นต้น
ดังนั้นหากมีขยะมากเกินไป เซลล์กำจัดไม่ทัน จะมีขยะสะสมภายในเซลล์มากๆ
ทำให้เซลล์ชำรุดเป็นเซลล์แก่หรือบวมเบ่งจนแตกออก นิวเคลียสของเซลล์ถูกทำลาย
และอาจเกิดผลกระทบต่อสารพันธุกรรม ( DNA )
ทำให้เกิดโรคเสื่อมต่างๆของวัยชราขึ้นมากมาย
คนอายุ 60 ปี ไมโทคอนเดรียมีประสิทธิภาพ เหลือเพียง 60 % เท่านั้น




การป้องกันสามารถทำได้โดยการจำกัดอาหารทั้งปริมาณและคุณภาพ
คือกินแต่น้อยและเลือกกินอาหารที่มีคุณค่าทางอาหารสูง
เพื่อปัองกันไม่ให้เกิดขยะล้นเซลล์นั่นเอง
เรียกว่า “ การปรับการเผาไหม้ของอาหาร ” ( Metabolic adjustment )

ศาสตร์ต้านโรคชรา (Anti – Senescence Science)

คนทั่วไปเข้าใจว่าความชราเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นตามปกติของธรรมชาติ
และโรคชราก็เกิดจากความเสื่อมของร่างกาย เมื่อคนเราย่างเข้าวัยชรา เช่นกัน
แต่ในทางวิทยาศาสตร์เชื่อว่าหลังจากร่างกายมนุษย์เจริญเติบโตเต็มที่เมื่อครบอายุ 25 ปีแล้ว
ร่างกายก็จะค่อยๆ เสื่อมลงทุกปี ในอัตราเพียง 1 % ต่อปีเท่านั้น
หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งร่างกายของคนเราสามารถสร้างเซลล์ สดใหม่
ขึ้นมาแทนเซลล์ที่ตายไปได้ถึง 99 % ในทุกๆปี
ซึ่งเกือบจะพูดได้ว่า คนเราเกิดใหม่เป็นคนใหม่ได้ทุกปี
หากเรารู้จักดูแลร่างกายให้อยู่ในสภาพที่สมุดลและสมบูรณ์อยู่เสมอ

ปัญหาที่ทำให้เราแก่เร็วและตายเร็วนั้นเกิดจาก
เซลล์ของเราหยุดสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมาทดแทนเซลล์เก่าที่ตายไป
เพราะเซลล์ของเราแก่เกินไป ( Senescent cells )
ซึ่งนอกจากไม่มีพลังพอที่จะสร้างเซลล์สดใหม่ขึ้นได้แล้ว
เซลล์แก่ยังเป็นบ่อเกิดของโรคเสื่อมในวัยชราอีกมากมาย
เช่น โรคเบาหวาน โรคไต หัวใจ สมอง ไปจนถึงโรคมะเร็ง
ซึ่งจะได้กล่าวถึงในบทต่อๆไป

ดังนั้นที่คนทั่วไปเข้าใจว่า โรคชราเกิดจากความเสื่อมของร่างกาย
เมื่อคนเราย่างเข้าสู่วัยชราซึ่งเป็นปรากฏการณ์ปกติของธรรมชาตินั้นจึงไปไม่เป็นความจริง
ศาสตร์สมัยใหม่ได้พิสูจน์ชัดเจนแล้วว่า
การป้องกันไม่ให้เกิดเซลล์แก่ (senescent cells) นั้นสามารถทำได้
และโรคชรานั้นป้องกันได้ เพราะไม่ใช่ปรากฏการณ์ธรรมชาติอย่างที่เราเข้าใจ
“ศาสตร์ต้านโรคชรา” ( Anti – Senescence Science ) จึงได้เกิดขึ้น เช่น : -
SENS = Strategies for Engineered Negligible Senescence
ยุทธศาสตร์การใช้วิศวกรรมเพื่อแก้ไขความแก่
ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ที่เชื่อว่าจะสามารถทำให้อายุขัยของมนุษย์เพิ่มขึ้นได้ 2 เท่า
และพบว่าสามารถนำไปใช้กับตนเองได้

บทนำ

ในปัจจุบันความก้าวหน้าทางการแพทย์และการสาธารณสุขก้าวหน้าเป็นอย่างมาก
เป็นผลให้คนเรามีอายุขัยยืนยาวขึ้นรวดเร็วมาก
รวมทั้งวิทยาศาสตร์การแพทย์ก้าวรุดหน้าอย่างรวดเร็ว
โดยเฉพาะวิทยาศาสตร์การชะลอวัย
ได้ก้าวหน้าไปถึงขั้น “ การย้อนวัย ” (Rejuvenation) ได้แล้ว
สมาคมเวชศาสตร์ชะลอวัยของสหรัฐอเมริกา
คำนวณว่าความรู้ทางด้านเวชศาสตร์ชะลอวัยแขนงต่างๆ
จะเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 250 เท่าของปัจจุบันในปี คศ. 2029
และอายุขัยเฉลี่ยของคน จะเพิ่มเป็น 150 ปี ในปีเดียวกัน
นักวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์มีความมั่นใจว่า
ความรู้ทางการแพทย์เท่าที่มีอยู่ในปัจจุบัน
สามารถทำให้อายุขัยของคนเราเพิ่มขึ้นเป็น 120 ปีได้ไม่ยาก
และมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนี้จำนวนหนึ่ง
เชื่อว่าเด็กที่เกิดในวันนี้จะมีโอกาสอายุยืนได้ถึง 150 ปี

ศาสตร์ชะลอวัย(Anti - aging) นั้นเป็นวิทยาศาสตร์แห่งกฏธรรมชาติ
ถ้าเรารู้กฏธรรมชาติ และปฏิบัติจนเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ
ชีวิตของเราก็จะสมดุลไม่เจ็บป่วย และอายุยืนยาว
ซึ่งการแพทย์ตะวันออกเรามีใช้มาแล้วนานหลายพันปี
“ อายุรเวช ” ของอินเดีย แปลตรงตัวว่า “ ศาสตร์แห่งอายุยืน ”
อายุร = อายุยืน และ เวช = ศาสตร์
เพียงแต่เราไม่ได้นำมาปฏิบัติให้จริงจัง เท่านั้นเอง

วันจันทร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ประวัติย่อ ศาสตราจารย์ นายแพทย์ ดร. วิจิตร บุณยะโหตระ PROF. DR. VICHIT PUNYAHOTRA MD.,Ph.D.

ตำแหน่งปัจจุบัน : ศาสตราจารย์เกียรติคุณ คณะแพทย์ศาสตร์ รพ.รามาธิบดี ม.มหิดล
อาจารย์พิเศษ คณะแพทย์ทางเลือก ม.แม่ฟ้าหลวง
อาจารย์ประจำ คณะแพทย์แผนตะวันออก ม.รังสิต
ประธานมูลนิธิสุขภาพ Health Foundation

ประวัติการศึกษา แพทยศาสตร์บัณฑิต คณะแพทยศาสตร์ รพ.จุฬา ม.แพทยศาสตร์
ปริญญาเอการแพทย์ (Ph.D.) ม.มหิดล
Diplomat , American Board of Plastic Surgery – Duke U.,USA.
Fellow in Plastic Surgery – Cornell University – USA.
Alternative Medicine , Holistic Health ,
Energy Medicine , Oriental Anti – Aging Medicine

ประสบการณ์ อดีตกรรมการและเลขานุการ คณะกรรมการป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติ – กปอ.
(National Safety Council of Thailand)
อดีตประธานสถาบันสุขภาพนานาชาติ International Health Institute
อดีตผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษาขององค์การอนามัยโลก (WHO)
อดีตประธานสถาบันเวชศาสตร์ชะลอวัย (ประเทศไทย)
Thai Academy of Anti – Aging Medicine (Thai A4M)
อดีตประธานชมรมธรรมชาติบำบัดแห่งประเทศไทย
อดีตประธานคณะวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีทรัพยากรสิ่งแวดล้อมและพลังงาน
สภาที่ปรึกษา เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
(National Economic & Social Advisory Council - NESAC)

พ.ศ. 2538 ได้รับการคัดเลือกจากองค์กร Biography Fame International
นำประวัติลงในหนังสือ “ ชีวประวัติคนสำคัญของนานาชาติ ”
พ.ศ. 2541 ได้รับการยกย่องให้เป็น “ ผู้ทำคุณประโยชน์ให้แก่มนุษยชาติ ”
หนึ่งใน 30,000 คนทั่วโลก โดยองค์กร Marquis นำชีวประวัติลงใน
หนังสือ “ Who’s who in the world ”


ติดต่อ:::
74/203 ถ.พหลโยธิน สนามกอล์ฟไพน์เฮิรสท์
ต. คลองหนึ่ง อ. คลองหลวง จ. ปทุมธานี 12120
โทร 02-5162567 แฟกซ์ 02-5161177 โทรศัพท์มือถือ 081-8317162
e-mail : dr.vichit@hotmail.com